ปาร์ตี้ครั้งหน้าอย่าพลาด! ชวนให้ลอง ‘เหล้าอาวาโมริ’ ของเด็ด ของดีเมืองโอกินาวา

สำหรับสาวกประเทศญี่ปุ่นแล้ว เชื่อได้ว่าจุดหมายใหม่ที่กำลังฮอตฮิตคงหนีไม่พ้น เกาะโอกินาวา ดินแดนที่อยู่ทางทิศใต้สุดของประเทศญี่ปุ่น ที่นอกจากจะมีทะลสวยๆให้ได้สัมผัสกันในช่วงฤดูร้อนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งของเด็ดของดี นั่นคือ ‘เหล้าอาวาโมริ’ (AWAMORI) ให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย

เหล้าอาวาโมริ ถือเป็นต้นสายของเหล้าโชชูญี่ปุ่น เป็นเหล้ากลั่นที่มีประวัติยาวนาน สันนิษฐานว่ามาจากประเทศจีน, เกาหลี และชาติในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงศตวรรษที่ 13-14

มีวิธีการผลิตที่ไม่เหมือนใคร วิธีการผลิตคือการหมักข้าว จากนั้นนำข้าวมอลต์ที่ได้จากการหมักนำมาหมักผสมกับน้ำ โดยใช้เครื่องกลั่นแบบง่ายในการกลั่น ซึ่งเป็นวิธีการผลิตที่มีพื้นฐานแบบเดียวกันกับเมื่อ 600 ปีก่อน

ด้วยวิธีการผลิตนี้ เหล้าอาวาโมริจึงเป็นเหล้ากลั่นแท้ 100% โดยไม่มีการปรุงแต่งใดๆ เพียงแค่จิบก็สดชื่นได้กลิ่นหอม และรสเข้มของเหล้า นุ่มลิ้น ดื่มง่าย ไร้อาการเมาค้าง เป็นที่ชื่นชอบในบรรดาหนุ่มสาว

นอกจากนี้เหล้าอาวาโมริหลังจากการกลั่น จะถูกนำไปบ่มไว้เป็นเวลานาน ยิ่งบ่มนานยิ่งได้รสละมุน กลายเป็นเหล้าอาวาโมริชั้นยอด

ปัจจุบันมีผู้ผลิตเหล้าอาวาโมริในโอกินาวามากถึง 46 ราย ที่สามารถผลิตได้ทั้งปี มีรสชาติและกลิ่นของเหล้าให้ลิ้มลองมากมาย อาทิ กลิ่นกุหลาบ วานิลลา คาราเมล เห็ดมัตสึทาเกะ น้ำตาลอ้อย แอปเปิ้ล ลูกแพร์ ช็อกโกแล็ต กาแฟ ฯลฯ

นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่ต่ำ ปราศจากน้ำตาล ทำให้ไม่เป็นภาระแก่ผู้ที่รักสุขภาพ นอกจากนี้ยังดื่มได้เข้ากันกับอาหารไทย อาทิ ไก่ย่าง ส้มตำ ทอดมัน ได้อย่างลงตัว

ทั้งนี้ใครจะรู้บ้างว่าเหล้าอาวาโมริ ผลิตจากข้าวที่ปลูกในประเทศไทย ที่มีความแข็ง เม็ดเรียบ ซึ่งจะเป็นการดีอย่างยิ่ง หากคนไทยจะหันมานิยมเหล้าอาวาโมริกันมากขึ้น เพราะนอกจากจะได้รสชาติแท้ๆแบบญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้มีการส่งออกข้าวจากไทยไปสู่ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกด้วย

เห็นอย่างนี้แล้ว ครั้งหน้าอย่าลืมเลือก ‘เหล้าอาวาโมริ’ เป็นตัวสร้างสีสันและมิตรภาพให้กับปาร์ตี้ของคุณนะคะ!

 

เที่ยวแบบความเร็วสูงจากโตเกียว ถึงโอซาก้า ด้วย Shinkansen

เที่ยวแบบความเร็วสูงจากโตเกียว ถึงโอซาก้า ด้วย Shinkansen

          เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะไปเพียงแค่ฝั่งคันโต (โตเกียว) หรือฝั่งคันไซ   (โอซาก้า) ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเท่านั้น แต่หลายคนอยากจะล้ำกว่านั้น ด้วยการไปทั้งทีเอาให้ครบสิ่ แน่นอนว่าญี่ปุ่นประเทศที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำ และการเดินทางแสนสะดวกสบายด้วยรถไฟหัวกระสุน ที่ได้ชื่อว่าเป็นรถไฟที่เร็วที่สุดในโลกอย่าง “ ชินคันเซ็น ” (Shinkansen) ที่จะทำให้เราสามารถเที่ยวได้ทั้งโตเกียวและโอซาก้าได้ในทริปเดียว น่าสนใจใช่ไหมคะ? แล้วถ้าไปแล้วต้องไปโดนที่ไหนบ้างนะ ? วันนี้เราได้รวบรวมจุดเช็คอินสุดฮิตจากโตเกียวถึงโอซาก้า ที่ไปแล้วต้องห้ามพลาด ตามมาดูพร้อมกันเลย! 

 

โตเกียว (Tokyo)

พิกัด : โตเกียว ญี่ปุ่น  

            เมืองหลวงมหานครแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย ที่มักเป็นจุดเริ่มต้นของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่น แหล่งรวบรวมทั้งที่เที่ยว กิน ช้อป ครบทุกรูปแบบ ซึ่งหากมาที่นี่แล้วต้องห้ามพลาดที่ไหนบ้างไปดูกัน

 

วัดอาซากุสะ (Asakusa Temple)

อาซากุสะ

ที่มีชื่อเป็นทางการว่าวัดเซนโซจิ วัดพุทธที่ตั้งอยู่ที่ย่านอาซากุสะ หากมาแล้วก็อย่าพลาดที่จะถ่ายรูปคู่กับ “โคมแดง” ขนาดใหญ่ยักษ์ และแวะชิม ช้อปที่ถนนนากามิเสะ ระหว่างทางเข้าวัด โดยเฉพาะขนมปังเมล่อนเจ้าเด็ด ที่เขาว่ามาถึงแล้วต้องกินให้ได้เลยหล่ะ

อาซากุสะ

 

โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)

โตเกียวสกายทรี

ไม่ไกลจากวัดอาซากุสะ เราสามารถมองเห็นหอคอยกระจายเสียงวิทยุและโทรทัศน์ที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 634 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่กลางโตเกียว ตอนเห็นไกลว่ายิ่งใหญ่แล้ว พอเข้ามาใกล้ๆมันยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ ที่นี่เราสามารถขึ้นลิฟท์ความเร็วสูงไปชมวิวของเมืองโตเกียวแบบ 360 องศา หรือแวะจิบเครื่องดื่มร้อนๆที่คาเฟ่ด้านบนก็ไม่เลวนะคะ

 

ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko)

            ขยับออกมานอกโตเกียวกันสักนิด เพื่อชื่นชมความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบคาวากุจิโกะ ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 จากทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ ดื่มด่ำกับความสวยงามและบริสุทธิ์ของธรรมชาติ กับทัศนียภาพที่ยิ่งใหญ่ ถ้าคิดว่าภาพที่เราได้เห็นจากในอินเตอร์ว่าสวยแล้ว ของจริงสวยกว่าหลายเท่ามาก ของแบบนี้ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองค่ะ

            เดี๋ยวนี้การเที่ยวทั้ง 2 เมืองใหญ่ สำหรับคนที่ไม่มีเวลาก็ไม่ต้องจองหรือวางแผนเองให้เหนื่อยแล้วค่ะ เพราะบริษัท ทัวร์ครับ เขามีบริการทัวร์โอซาก้าและโตเกียวในทริปเดียว ที่รวมค่าบัตรชินคันเซ็นเรียบร้อยแบบเบ็ดเสร็จ พร้อมด้วยไกด์คอยบริการตลอดทริป ไม่ว่าจะขึ้นหรือลงรถไฟ เที่ยวสบายหายกังวลในราคาสบายกระเป๋า

 

จองแพ็คเกจทัวร์เที่ยวโตเกียว – โอซาก้า ได้ที่นี่

 

โอซาก้า (Osaka)

พิกัด : โอซาก้า , ญี่ปุ่น

นั่งรถไฟชินกันเซ็นประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อมายังอีกเมืองเศรษฐกิจสำคัญของประเทศญี่ปุ่นในภูมิภาคคันไซ และเป็นเมืองประวัติศาสตร์สำคัญในอดีต ทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงมากมาย และห้ามพลาดต้องแวะ…

ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)

ปราสาทโอซาก้า

ปราสาทโบราณที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1583 อดีตเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของปราสาท ที่ตื่นตาและน่าสนใจทีเดียว

 

ชินไซบาชิ (Shinsaibashi Shopping Street)

Cr.https://flic.kr/p/R9ivXf

ชินไซบาชิ

แวะช้อปปิ้งก่อนกลับที่ถนนชินไซบาชิ เต็มไปด้วยร้านค้าของใช้ ของฝาก ตลอดถนนที่ยาวถึง 580 เมตร ทั้งร้านขนม สินค้าชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น ชีสเค้กในตำนานอย่าง Pablo Cheesecake รสชาตินุ่มลิ้นที่ใครไปแล้วต้องกิน หรือจะเป็นร้าน Luke’s กับเมนูแซนวิสกุ้งล็อบเตอร์และปูแบบจัดเต็ม ที่ต้องต่อแถวยาวกว่าจะได้กิน แค่คิดก็หิวจนน้ำลายไหลแล้วค่ะ

 

โดทงบุริ  (Dotonburi)

กูลิโกะแมน

เดินมาอีกนิดนึง ก็จะเจอกับอีกหนึ่งย่านช้อปปิ้งที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของโอซาก้า ถ้าเอ่ยถึง “ป้ายกูลิโกะ” (Gulico Running Man) ต้องร้อง อ๋อกันอย่างแน่นอน เพราะว่าใครที่นี่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ ใครไปโอซาก้าต้องไปถ่ายรูปคู่กับป้ายกูลิโกะกันเกือบทุกคน ต่อด้วยแวะชิม “ทาโกะยากิ” หรือ “โอโคโนมิยากิ”  (พิซซ่าญี่ปุ่น) ชื่อดังในดินแดนต้นตำหรับ ให้เลือกกินกันหลายร้านเลยค่ะ

ยังมีที่เที่ยวหลายแห่งในโตเกียว – โอซาก้าที่น่าสนใจ แต่ถ้าใครอยากจะไปดื่มด่ำกับบรรยากาศของเมืองอย่างจริงจัง ก็สามารถเลือกไปเที่ยวเมืองใดเมืองหนึ่งก็ได้นะคะ ทัวร์ครับ ยังมีแพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่นราคาประหยัดอีกมากมาย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ https://tourkrub.co/recommend/ทัวร์ญี่ปุ่น-โตเกียว-โอซาก้า

ฮอกไกโด

โตเกียว ไม่ไป! โอซาก้า ไม่แวะ! เพราะเราจะไปนอนกินหิมะที่ ‘ฮอกไกโด’!

เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ดินแดนยอดฮิตของคนไทย หลายคนอาจจะนึกถึง 2 เมืองใหญ่ที่ชื่อคุ้นเคยอย่างโตเกียว และโอซาก้า แต่อีกหนึ่งดินแดนที่ไม่ควรพลาดและเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ควรไปเยือนไม่แพ้กันนั่นคือ ฮอกไกโดนั่นเอง!

ฮอกไกโด
วิว 2 ข้างทางที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในช่วงเดือนธันวาคม

ฮอกไกโด เป็นเกาะที่ตั้งอยู่เหนือสุดของญี่ปุ่น ที่นี่ไม่มีประวัติศาสตร์ใดๆ ไม่มีกิโมโน ไม่มีซามูไร ไม่มีวัด ไม่มีวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นจ๋า เป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากรัสเซียและตะวันตกซะส่วนใหญ่ อากาศหนาวสุดขั้ว ปีนึงหิมะตก8เดือน ร้อนแบบสบายๆ2เดือน อีก2เดือนคาบเกี่ยวช่วงอากาศเปลี่ยน คนก็นอนจมหิมะ สลับกับปลูกข้าวโพด ปลูกเมล่อน ปลูกมัน จับปู จับปลากันไป

ฮอกไกโด
เครื่องบินลงจอดที่สนามบิน New Chitose มองออกไปข้างนอกก็เจอหิมะมารอต้อนรับแล้ว
ฮอกไกโด
หิมะเกลื่อนเมือง 
ฮอกไกโด
ต้องเดินอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการข้ามทางม้าลาย

แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ที่ใครมาแล้วต้องแวะ

เมืองโนโบริเบ็ทสึ (NOBORIBETSU)

เมืองที่เต็มไปด้วยรีสอร์ทและสถานที่ตากอากาศ มีบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะฮอกไกโด มียักษ์ตัวโตเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง แวะชมโกกุดานิหรือที่หุบผานรก ซึ่ งเกิดจากภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิทจึงก่อให้เกิดบ่อน้ำพุร้อน มีควันพวยพุ่ง ท่ามกลางสภาพอากาศที่เย็นยะเยือก มีหิมะโปรยปราย เสียงของฝูงนกอีกาบินทักทาย และกลิ่นของกำมะถันของบ่อน้ำพุร้อน

ฮอกไกโด เมืองโนโบริเบ็ทสึ (NOBORIBETSU)
ดูสิ! ยังมีควันยังพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลาเลย
ฮอกไกโด ศาลเจ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโนโบริเบ็ทสึ
ศาลเจ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโนโบริเบ็ทสึ

ภูเขาไฟอุสึ (Usuzan)

สัมผัสบรรยากาศของภูเขาไฟ Usuzan ตั้งอยู่ที่เมือง Toya ที่มีการคาดการณ์ว่าอีก5ปีจะระเบิด (ใครจะไปต้องรีบไป) เมื่อถึงแล้วต้องขึ้นกระเช้าเพื่อขึ้นไปยังยอดเขา ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็น หิมะปกคลุมเต็มพื้นที่เลย บวกกับวิวทะเลสาบ โทยะที่มีเกาะรูปร่าง เหมือนปลาอยู่ตรงกลาง สวยงามตระการตา จนต้องกดชัตเตอร์รัวๆ

ฮอกไกโด ภูเขาไฟอุสึ (Usuzan)
วิวจากยอดเขา สวยระดับ 5 ดาว
ภูเขาไฟอุสึ (Usuzan)
ต้นไม้ 2 ข้างทาง ถูกปกคลุมด้วยหิมะ แล้วเป็นหิมะที่สะอาดมาก ลองชิมแล้วเป็นเกร็ดน้ำแข็งที่ละเอียดสุดๆ ถ้าได้น้ำแดงมาราดนี่แจ่มโคด
ภูเขาไฟอุสึ (Usuzan)
เส้นทางขึ้นสู่ยอดเขา กับวิวเว่อวังอลังการ

ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีโชวะชินซัน (Showa-Shinzan Bear Park)

เจ้าหมีแสนรู้สีน้ำตาล ที่ใกล้สูญพันธุ์ พบได้แต่บนเกาะฮอกไกโด เกาะซาคาริน และหมู่เกาะคูริน ของรัสเซียเท่านั้น เห็นหน้าเหี้ยมๆแบบนี้ แท้จริงแล้วพวกมันมุ้งมิ้งกันสุดๆ นอกจากจะกินกับนอนแล้ว พวกมันยังโบกมือทักทายและทำท่าสวัสดีขอแอปเปิ้ล, คุกกี้จากนักท่องเที่ยว แหม่ รู้งานจริงๆ

ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์หมีโชวะชินซัน (Showa-Shinzan Bear Park)
หมีสีน้ำตาลจอมมุ้งมิ้ง มองแอปเปิ้ลในมือนักท่องเที่ยวตาละห้อย
ฮอกไกโด
แอบเจอน้องแมวตัวนึง ตัวฟูมาก แต่ขี้อาย ย่องไปหลบใต้ท้องรถ

สวนสาธาธารณะโอโดริ (Odori Park)

นั่งรถเข้าเมืองมาซัปโปโร เมืองหลักของเกาะฮอกไกโด เป็นศูนย์กลางในด้านต่างๆ มีความเป็นเมือง แต่ก็ไม่พลุกพล่านมากเท่าไร อารมณ์ประมาณเชียงใหม่ สโลว์ไลฟ์ได้ ไม่ต้องแก่งแย่งกันแบบเมืองหลวง มีสวนสาธาธารณะโอโดริตั้งอยู่ใจกลางเมือง ที่มีหอนาฬิกาฮอกไกโดตั้งเด่นเป็นสง่า ประดับไฟสวยงามรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ให้นักท่องเที่ยวและชาวเมืองได้ออกมาเดินชิลล์ๆกันยามค่ำคืน

หอนาฬิกาฮอกไกโด
หอนาฬิกาฮอกไกโดตั้งเด่นเป็นสง่า ดูเวลาสิ แค่ 4โมงเย็น 56 นาที แต่ท้องฟ้ามืดอย่างกับ 3 ทุ่ม
ฮอกไกโด
มีการประดับประดาไฟต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ให้ถ่ายรูปกันเพลินเลย

โรงงานเบียร์ Asahi

แวะไปโรงงานเบียร์ Asahi เบียร์ชื่อดังของญี่ปุ่น มีไกด์ผู้หญิงน่ารักๆ พูดเสียงเล็กๆ พาเดินดูโรงงาน(เข้าฟรีแต่บรรยายเฉพาะภาษาญี่ปุ่น+มีเบียร์และน้ำผลไม้ให้ชิมฟรี) ที่นี่มีกำลังการผลิตเบียร์วันละ9แสนกระป๋องต่อวันโดยที่ใช้แรงงานคนน้อยมาก ส่วนใหญ่ใช้เครื่องจักรทำงานแทนคน มีพนักงานทั้งโรงงานแค่300คน แต่ส่งออกขายไปหลายประเทศทั่วโลก

ฮอกไกโด โรงงานเบียร์ Asahi
เมื่อจบการบรรยายแล้ว มีเบียร์สดให้ชิมฟรี ลิมิตคนละ 3 แก้วด้วยนะ
โรงงานเบียร์ Asahi
ใครไม่ดื่มเบียร์ ก็มีเครื่องดื่มพร้อมขนมให้ชิมกันด้วยจ้า

ย่านทานุกิโคจิ ( Tanuki Koji Shopping Arcade)

ช็อปปิ้งย่านทานุกิโคจิ แหล่งคึกคักยามค่ำคืนของซัปโปโร ที่มีร้านรวงเปิดให้บริการมากมายกว่า 200 ร้าน โดยเฉพาะร้านเครื่องสำอางที่ถูกใจสาวๆ เสื้อผ้า รองเท้า ของใช้ ของกิน ของฝาก ให้เลือกซื้อกันมากมาย และร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ ร้านเกม เปิดให้บริการสร้างความบันเทิงแก่ชาวญี่ปุ่นที่เหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน

ย่านทานุกิโคจิ ( Tanuki Koji Shopping Arcade)
ทางเดินมีหลังคา เดินได้สบายๆไม่ต้องกลัวฝนตก
ฮอกไกโด
ร้านขายเครื่องสำอางเยอะมาก ให้สาวๆได้เลือกกันไม่ไหว บางร้านถึงขั้นมีป้ายบอกว่าที่นี่มีพนักงานคนไทย
ฮอกไกโด
สีสันยามค่ำคืนของร้านค้าในย่านทานุกิโคจิ

เมืองโอตารุ (Otaru)

คลองโบราณที่แรงงานคนขุดขึ้นเพื่อขนส่งสินค้า ที่ปัจจุบันให้นักท่องเที่ยวสัมผัสกับบรรยากาศความโรแมนติก ที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว กับวิวของโกดังเก่าที่สะท้อนบนผิวน้ำได้อย่างสวยสดงดงาม ท่ามกลางวิวข้างทางที่ปกคลุมด้วยหิมะ ก่อนที่จะเดินเที่ยวชมร้านค้าต่างๆในเมือง ทั้งพิพิธภัณฑ์เครื่องแก้ว กล่องดนตรี ร้านกิ๊ฟช็อป ร้านเบเกอรี่ ร้านของฝาก ที่เปิดให้ช็อป ชิม เดินชิลล์กันจุใจ

เมืองโอตารุ (Otaru)
บรรยากาศของคลองโอตารุ สุดแสนโรแมนติก

โรงงานช็อกโกแลตชิโรอิ โคอิบิโตะพาร์ค (SHIROI KOIBITO PARK)

โรงงานช็อกโกแลต ผู้ผลิตขนมขื้นชื่อของฮอกไกโด นั่นคือ ‘Shiroi Koibito’ คุกกี้สอดไส้ไวท์ช็อกโกแลต ที่หอมหวานอร่อย ส่งขายไปทั่วญี่ปุ่น บรรยากาศภายในโรงงานน่ารักสุดๆ อย่างกะหนังเรื่อง Charlie and the Chocolate Factory ทุกอย่างดูกระจุ๊กกระจิ๊กไปหมด มีพิพิธภัณฑ์ของเล่น ของสะสมของเจ้าของ มีการจัดสวนเหมือนเทพนิยาย และมีคาเฟ่จัดเสิร์ฟขนมหวานอร่อยๆให้บริการด้วยนะเออ

โรงงานช็อกโกแลตชิโรอิ โคอิบิโตะพาร์ค (SHIROI KOIBITO PARK)
ขนม Shiroi Koibito อันโด่งดังของญี่ปุ่น ผลิตจากฮอกไกโดนะจ๊ะ ขอบอก
โรงงานช็อกโกแลตชิโรอิ โคอิบิโตะพาร์ค (SHIROI KOIBITO PARK)
ตึกของโรงงานออกแบบได้น่ารักสุดๆ

เดินชมกรรมวิธีการผลิตขนมหวานสุดอร่อย

โรงงานช็อกโกแลตชิโรอิ โคอิบิโตะพาร์ค (SHIROI KOIBITO PARK)
ทางเดินและป้ายสัญลักษณ์เป็นรูปแมว ก็เพราะเจ้าของโรงงานชอบแมวสุดๆเลยล่ะ
โรงงานช็อกโกแลตชิโรอิ โคอิบิโตะพาร์ค (SHIROI KOIBITO PARK)
บรรยากาศสวนด้านนอก โอ้โห! ยังกะผุดมาจากเทพนิยาย

ทำเนียบรัฐบาลเก่า (Farmer Hokkaido Governing Office Building)

อีกหนึ่งสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ของซัปโปโร ที่สร้างด้วยอิฐแดงทั้งหลัง ใช้อิฐในการก่อสร้างกว่า 2.5 ล้านก้อน แม้ปัจจุบันไม่ได้เปิดใช้งานแล้ว แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปถ่ายภาพและชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมชิ้นเอกนี้อย่างต่อเนื่อง

ทำเนียบรัฐบาลเก่า (Farmer Hokkaido Governing Office Building)
ทำเนียบอิฐแดงตั้งเด่นเป็นสง่ากลางเมืองซัปโปโร
ทำเนียบรัฐบาลเก่า (Farmer Hokkaido Governing Office Building)
ใบไม้ร่วงกับเกล็ดหิมะ พร้อมมีตึกอิฐแดงเป็นฉากหลัง สวยงามสุดๆ

ของกินอร่อยๆ

ฮอกไกโดได้ชื่อว่า ‘ครัวของญี่ปุ่น’ มีของอร่อยให้ชิมมากมาย ทั้งขาปูยักษ์หลากหลายสายพันธุ์ อาหารทะเลอื่นๆ เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ไข่หอยเม่น และยังขึ้นชื่อผลิตภัณฑ์จากวัว ทั้งนมวัว เนย ครีม ชีส รวมทั้งผลไม้พืชผักผลไม้เมืองหนาวต่างๆ โดยเฉพาะ ลูกพลับ เมล่อน ที่หวานฉ่ำ อร่อยสุดๆ

ฮอกไกโด ขาปูยักษ์ 3
ขาปูยักษ์ 3 ชนิด สดๆใหม่ๆเนื้อหวานมากกก แต่บางพันธุ์แอบแกะยากต้องใช้ความพยายามกันนิดนึง
ฮอกไกโด
ปลาฮอกเกะย่างเตาถ่าน พร้อมด้วยหอยเชลล์ไซส์บิ๊ก กินคู่กับมันเผาและข้าวโพดปิ้ง อร่อยสุดๆไปเลย
ฮอกไกโด
Salmon Teppan Yaki Set + Tempura มีเครื่องเคียงหลากหลายในกินจนอิ่มไปเลย
ฮอกไกโด
ไอติมสายรุ้ง 5 ชั้น 7 ชั้น มีให้เลือกหลากหลายรส หวานฉ่ำสุดๆ ดี๊ดี

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแบบญี่ปุ๊น…ญี่ปุ่น

-มาฮอกไกโด สิ่งดีงามคือลูกพลับ ข้าวโพดปิ้ง และนมฮอกไกโดคือดีจริงๆ ห้ามพลาด

-น้ำก๊อกดื่มได้เลยทุกที่ เปิดเจอในห้องน้ำโรงแรมก็ดื่มได้เลย รับประกันความสะอาด

-หมาแมวจรจัดไม่มี เพราะจะถูกทางรัฐจัดการ ใครจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงต้องแจ้งเกิด แจ้งตาย ดูแลอย่างดี ห้ามปล่อยปละละเลยไม่ได้

-เครื่องรางของขลังที่นี่ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน ทุกอย่างมีหมดอายุ ซื้อมาแล้วเก็บไว้หมดอายุ ความศักดิ์สิทธิ์ก็จะหายไป รู้ป่ะ ริลัคคุมะ ก็ยังเป็นเครื่องรางของขลังนะ ประมาณว่าเทพเจ้าเพื่อความผ่อนคลาย ตุ๊กตาน่ารักคาวาอี้บางตัวก็เป็นนะจ๊ะ

-ตะเกียบเป็นส่วนสำคัญของชีวิตของคนญี่ปุ่นมากๆๆ เวลาไปกินข้าวบ้านเพื่อนก็ต้องเอาตะเกียบไป ถ้าไม่เอาไป เพื่อนก็ต้องเตรียมให้ กินเสร็จก็ต้องหักทิ้ง ห้ามเก็บ คนญี่ปุ่นมีธรรมเนียมว่า เมื่อก้าวเข้าสู่วาระสำคัญของชีวิต จะได้รับตะเกียบจากพ่อแม่เป็นของขวัญ ทั้งตอนวันเกิดอายุ 7 ขวบ วันแต่งงาน วันเรียนจบ หรือแม้กระทั่งการจัดงานศพ

-ญี่ปุ่นเป็นเมืองน่าเที่ยว ไม่เหมาะกับการมาอยู่ถาวร ทุกอย่างดูตึงเครียด คนอยู่ในกรอบเป๊ะๆ

-เวลากินอาหารต้องสั่งตามเมนู อย่างถ้าจะกินราเมนก็ต้องห้ามบอกว่าไม่เอาโน่นนี่ ไม่เอาผักโรย เพราะมันจะผิดสูตรเขา แล้วเขาจะเครียดมาก คือกลายเป็นเรื่องใหญ่ เขาต้องคิดค้นสูตรใหม่อย่างพิถีพิถัน เพื่อมาเสิร์ฟโดยเฉพาะ

-ห้ามฆ่าตัวตายในที่สาธารณะ ใครทำโดนโทษ7ชั่วโคตร ตายแล้วห้ามทำญาติเดือดร้อน คนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเลยฮิตใช้วิธีรมควันตายในห้อง แต่ก็ต้องซีลห้องให้มิดชิด ไม่ให้แก๊สรั่วกระทบคนอื่น (ไม่แน่ใจว่ากว่าจะได้ฆ่าตัวตาย คงเหนื่อยก่อน)

-ห้องน้ำสาธารณะมาตรฐานเดียวกันหมดคือมีปุ่มกดแบบในTerminal21 บางที่อาจมีแบบนั่งยองๆประปราย แต่ทุกที่คือสะอาด

-ทีวีในโรงแรมส่วนใหญ่จะมีช่องฟรีทีวีให้ดู แต่หากอย่างดูหนังอย่างว่าสไตล์ 18+ ก็จะมีเครื่องหยอดเหรียญขายรหัสให้กดไปดูหนังAV ในเซเว่น มินิมาร์ทขายหนังสือโป๊แบบโจ๋งครึ่ม

-จะซื้ออะไรระวังโดนหลอก เพราะแพ็คเก็จขนมและของในญี่ปุ่น 99% คือน่ารัก ขนมบางอย่างคือไม่อร่อย แต่กล่องคือน่ารักมาก

-การสื่อสารยาก เพราะใช้ภาษาอังกฤษกันน้อยมาก ภาษาจีนมีบ้างประปราย ฉลากแปะข้างขวดก็ญี่ปุ่นซะส่วนใหญ่ จะซื้อไรก็ใช้ภาษามือ แต่คนญี่ปุ่นใจดี น่ารัก เป็นมิตร สามารถสะพายเป้ด้านหลังได้ เพราะไม่มีใครมาล้วงมากรีดกระเป๋าแน่นอน

ฮอกไกโด

บทสรุป

เข้าใจแล้วทำไมคนอื่นถึงมาญี่ปุ่นกันเป็นสิบๆรอบแล้วไม่เบื่อ ก็เพราะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์และน่ารักกกกกก แล้วเก็บเงินมาเที่ยวกันอีกนะ

 

เรื่องและภาพโดย อาจุมม่า ChubbyShiro

[Dudes Next Door]ญี่ปุ่น คันไซ อุ่นไอรัก : ดอกไม้ผลิบานที่โกเบ #kobe01

Thailand Indy สวัสดีต่างแดน : DUDES NEXT DOOR

ตอน ญี่ปุ่น คันไซ อุ่นไอรัก : ดอกไม้ผลิบานที่โกเบ #kobe01

kobe-nunobiki-herb03

ตะวันบ่ายคล้อย แสงแดดอ่อนๆรำไรลอดไม้ไผ่มากระทบที่ดวงตา โอโต้ซังกำลังเปิดแผนที่เมืองใกล้กับที่เราอยู่ในตอนนี้ โอโต้ซังเล่าว่าเมืองนี้จากที่นี่คงเดินทางไปไม่ไกล เราจึงเริ่มวางแผนเรื่องราวของวันพรุ่งนี้กัน

แม้ว่าเกียวโตจะเป็นที่แรกที่เราได้ทำความรู้จัก (หลายครั้งหลายคราแล้วก็ตาม) แต่ครั้งนี้อยากจะเริ่มทักทายกับอีกเมืองน่ารักของดินแดนอาทิตย์อุทัยก่อน เชื่อว่าหลายคนคงเคยแวะมาลองลิ้มชิมรสเนื้อยากินิขุขึ้นชื่อของที่นี่บ้างแล้ว แต่ด้วยความที่เราไม่กินเนื้อวัว ประเด็นนี้จึงพับไป ถึงอย่างไร “โกเบ” แห่งนี้ ก็ไม่ได้สวยงามน้อยลงเลย

ใช่แล้ว…วันนี้จะพาไปเที่ยวโกเบกัน

kobe-nunobiki-herb08

เมืองโกเบเป็นเมืองญี่ปุ่น แต่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเป็นตะวันตก เพราะหากย้อนอดีตไปแล้ว ยามที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศเพื่อเริ่มทำการค้าขายกับตะวันตก ท่าเรือโกเบเป็นท่าเรือสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่เหมือนเป็นศูนย์รวมแหล่งการค้านานาชาติ หลังจากนั้นก็มีชาวต่างชาติเริ่มเข้ามาอาศัยอยู่ที่เมืองโกเบ

kobe-nunobiki-herb27

โกเบนั้นขึ้นชื่อเรื่องเนื้อวัว หลายคนมักจะอยากไปอิ่มอร่อยกับรสชาติอันนุ่มลิ้นที่ขึ้นชื่อของที่นี่ แต่ครั้งนี้อย่างที่บอกด้วยความที่เราไม่ทานเนื้อวัวเลยอดพาไปรีวิว ขออภัยท่านผู้อ่านมา ณ ที่นี้ แต่ไม่ต้องเสียดายไป ครั้งนี้เราจะพาท่านไปอิ่มอร่อยกับอีกหนึ่งสุดยอดเมนูของโกเบ ที่อยากจะแนะนำให้ไปลองในตอนถัดไปเราจะแนะนำให้ท่านได้รู้จักกับสิ่งนั้น!

kobe-nunobiki-herb17

kobe-nunobiki-herb02

เริ่มต้นเดินทางมาที่แรกที่ Kobe Nunobiki Herb Gardens & Ropeway แปลเป็นไทย(ด้วยตนเอง)เล่นๆว่า สวนสมุนไพรนุโนบิขิ และกระเช้าลอยฟ้าแห่งโกเบ ถ้าหากขึ้นไปที่นี่ในช่วงหน้าซากุระก็จะเป็นซากุระบานสะพรั่งเลยทีเดียว ดอกไม้ผลิผลัดตามฤดูกาลที่ผันผ่าน แต่ไม่ว่าเช่นไรที่นี่ดูเหมือนถูกวางแผนมาเป็นอย่างดีในการจัดแสดงความสวยงามตามธรรมชาติ แย้มบานยิ้มหวานให้กับผู้คนที่มาเที่ยวได้เชยชมกับดอกไม้นานาพรรณในแต่ละช่วงของปีอยู่แล้ว  แม้บางพื้นที่ บุษบาเหล่านั้นจะยังไม่บานสะพรั่ง แต่ด้วยอากาศหนาวนิดๆ และบรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาทำให้ที่นี่ดูโรแมนติกจับใจทีเดียว

kobe-nunobiki-herb14

kobe-nunobiki-herb04

kobe-nunobiki-herb10

kobe-nunobiki-herb25

การวางพื้นที่ของที่นี่ดูลำดับสัดส่วนได้กำลังดีนัก เมื่อนักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชมวิวบนยอดสูงแล้ว เราอาจจะสามารถแวะทานร้านอาหารที่ View Rest House ด้านบน ที่หน้าต่างเป็นกระจก และเห็นวิวทิวทัศน์งดงามของบ้านเมืองเขาได้ หรือจะเดินลงมาอีกนิดหนึ่งเพื่อที่จะมาจิบชาในเรือนกระจก ซึ่งส่วนนี้ก็มีอาหารขายเล็กน้อย แต่เน้นที่ชาสมุนไพรมากกว่า แล้วนอกจากนั้นเดินผ่านเรือนกระจกเข้ามาอีกนิดยังมีพื้นที่ให้ออนเซ็นเท้า ท่ามกลางกลิ่นหอมของพฤกษานานาพรรณที่มนุษย์ได้สร้างสรรค์พร้อมกับธรรมชาติที่แสนสวยให้เราได้พักผ่อน และหย่อนลมหายใจ

kobe-nunobiki-herb26

หากใครอยากไปเพลิดเพลิน เจริญธรรมชาติแล้วที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากจะแนะนำ ถ้าให้อธิบายก็คล้ายกับเมืองเหนือของบ้านเรา ดอกไม้ของบ้านเราบางพื้นที่อาจจะสวยกว่า แต่ชอบฟังก์ชั่นต่างๆของที่นี่ มีทั้งร้านอาหารดูวิวริมยอดเขา กระเช้าลอยฟ้า ไอติมลาเวนเดอร์ หรือแม้กระทั่งฮอลล์จัดแสดงคอนเสิร์ตเขาก็มีให้นะเออ

kobe-nunobiki-herb15

kobe-nunobiki-herb21

พอเราเดินทางด้วยลมพัดเย็นนิดๆ โชคดีที่ฝนไม่ตก (ใจเต้นๆต่อมๆอยู่รอมร่อ) แต่สุดท้ายฟ้าฝนก็เป็นใจ อากาศกำลังเย็นสบายทำให้เราเดินชิวกันเพลิน ดอกไม้ริมสองข้างทางดูสวยดี ที่นี่เขาจะจัดดอกไม้ตามฤดูกาลค่ะ คือจริงๆแล้วก็ปลูกไว้หมดแหละ แต่ดอกไม้ก็จะบานตามฤดูของเค้าเอง อย่างเราไปเจอปลายๆซากุระ ก็ยังมีสองสามต้นที่มีดอกบานให้เห็น ถ้าถามว่าจริงๆสวยขนาดนั้นมั้ย เอาไว้ถ่ายรูปลงบนเฟซบุ๊คก็ยังพอไหว แต่ถ้าจะให้ตราตรึงใจคงจะต้องมาเร็วกว่านี้สักสองอาทิตย์​น่าจะบานสะพรั่งให้ได้ยลกันเลยทีเดียว สำหรับตารางการบานของดอกไม้ก็ตามรูปด้านล่างนี้เลยจ่ะ ซึ่งหากดูตามฤดูกาลแล้ว เชื่อได้เลยว่าฤดูอากิ หรือ ฤดูที่ใบไม้เปลี่ยนสีน่าจะสวยไม่แพ้ที่ไหน

herb-calenderCredits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

kobe-nunobiki-herb11

kobe-nunobiki-herb12

kobe-nunobiki-herb09

ที่นี่แบ่ง Facilities เป็นหลายส่่วน เดี๋ยวเราจะแอบยกข้อมูลจากเว็บ Original มาฝากทุกท่านไว้ในอ้อมอกอ้อมใจละกันนะคะ

ไม่ว่าจะเป็น

View Rest House

view-rest-house

Credits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

View Rest House เป็นสถานที่ที่คุณสามารถอิ่มเอมไปกับอาหารแสนอร่อยที่มีส่วนผสมของสมุนไพร และร้านรวงต่างๆมากมาย ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็น Indoor แต่คุณก็สามารถสัมผัสการตกแต่งด้วยสมุนไพรต่างๆ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ

Mori no Hall (Concert Hall in Forest)/ Fragrance Museum

mori-no-hall

Credits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

เป็นฮอลล์ที่สร้างขึ้นจากไม้ สถานที่ยอดฮิตสำหรับแสดงคอนเสิร์ตแนวอะคูสติก รวมไปถึงที่แห่งนี้ยังเป็นพิพิธภัณฑ์น้ำหอมที่จัดแสดงน้ำหอมทางประวัติศาสตร์ไว้มากมายอีกด้วย

Glasshouse

glass-house

Credits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

สามารถเยี่ยมชมพันธุ์ดอกไม้นานาชนิด รวมถึงผลไม้ต่างตลอดทั้งปีได้ที่เรือนกระจกแห่งนี้

Hanging Baskets (Glasshouse)

hanging-basket

Credits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

สามารถถ่ายรูปกับพวงดอกไม้ที่ห้อยระยะจัดแสดงอยู่ในเรือนกระจกอีกด้วย

Herbal Footbath

footbaht

Credits : http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index2.html

นอกจากนั้น ยังเพลิดเพลิน ผ่อนคลายไปกับออนเซ็นเท้าที่อยู่ติดกับเรือนกระจก ที่นี่ยังแสดงทัศนียภาพของเมืองโกเบไว้อีกด้วย

ต่อมาเราได้มารับประทานอาหารกันที่สวนสมุนไพรแห่งนี้นี่แหละ อาหารรสชาติกำลังโอเค เราสั่งข้าวแกงกะหรี่ไก่มากิน อาหารจานพอเหมาะ แต่ทีเด็ดเห็นจะเป็นชาสมุนไพรเต็มไม่อั้น มองข้างหลังเห็นเกิร์ลแก๊งแห่งแดนอาทิตย์อุทัยกำลังจิบชาพร้อมหัวร่อต่อกระซิก คิกคักกันอย่างสนุกสนาน นอกจากเหมาะแก่การมาแฮงเอ้าท์กับเพื่อนแล้ว ยังเป็นบรรยากาศที่สบายๆ คล้ายอยากให้เรานั่งทอดตัวอยู่ตรงนี้ไปอีกนานๆทีเดียว เพราะกระจกใสที่โอบรอบร้านนั้นทำให้เราเห็นบรรยากาศไปทั่วทั้งเมืองโกเบ

kobe-nunobiki-herb03

kobe-nunobiki-herb23

kobe-nunobiki-herb20

หลังจากผ่อนคลายที่สวนสมุนไพร เราเดินทางต่อเข้าสู่อารยธรรมแห่งตะวันตกอย่างแท้จริง ติดตามเรื่องราวของโกเบได้ในตอนต่อไปนะจ๊ะ.

Sandp1989

kobe-nunobiki-herb19

kobe-nunobiki-herb24

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่อยากเดินทางไปเยี่ยมชม

ค่่าขึ้นกระเช้า + ค่าชมสวน
ผู้ใหญ่(ไปกลับ) : 1,400 เยน
เด็กนักเรียน (ไปกลับ) : 700 เยน
ผู้ใหญ่(เที่ยวเดียว) : 900 เยน
เด็กนักเรียน (เที่ยวเดียว) : 450 เยน
ราคาหลัง 5 โมงเย็น
ผู้ใหญ่(ไปกลับ) : 800 เยน
เด็กนักเรียน (ไปกลับ) : 500 เยน

Screen shot 2015-11-05 at 9.45.35 PM

วิธีการไป

หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.japan-ryokan.net/kobeherb/en/index4.html

Screen shot 2015-11-05 at 9.45.54 PM Screen shot 2015-11-05 at 9.45.42 PM